English นอกตำรา

อันนี้ ผมขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้พยายามที่จะบอกว่า ผมเเตกฉานในเรื่องของภาษาอังกฤษ ในความเป็นจริง ภาษาอังกฤษของผม มันก็เเค่ใช้พูดแบบขอไปที ไปวันๆ เท่านั้น เเต่…คราวนี้ เนื่องจากว่า หลายๆครั้ง ที่ผมหวนนึกถึงตำราภาษาอังกฤษทีผมเคยเรียนที่เมืองไทย มันกลับมีอะไรบางอย่างขัดเเย้งกับ ภาษาอังกฤษที่ผมเจอ (กระทรวงศึกษาฯ ต้องทำอะไรบางอย่างเเล้วล่ะครับ)สิ่งที่ผิดๆหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การออกเสียง การใช้คำ หรือ ประโยคที่เหมาะสม รวมไปถึง การใช้ ศัพท์ในภาษาเขียน …สิ่งเหล่านั้น ทำให้ผมงง เอามากๆ เเละ มันก็ทำให้ผมโดนหัวเราะเยาะ หลายๆครั้ง เวลาที่คุยกับฝรั่ง
 
ตอนเด็กๆ ผมจำได้ว่า ครูเคยสอนให้ผมออกเสียง คำว่า vegetable = วี เก๊ท เทเบิ้ล เเต่…พอผมพูดเเบบนี้ ที่นี่ มันกลับกลายเป็นผิด คนที่นี่ เค้าออกเสียงว่า เว๊ท เทเบิ้ล …หรือ คำบางคำ เช่น each other =อีช ชาเต้อร์  ผมก้เคยโดนสอนให้ออกเสียง ว่า อีช อัทเท่อร์ ..ผลที่ออกมาคือ ฝรั่ง งง ครับท่าน
 
ส่วนใหญ่ การเรียน การสอนภาษาอังกฤษในบ้านเรา มักจะอิงตำราของ อังกฤษ หรือ Brithish english เเต่ ณ. ปัจจุบันนี้ american english กลับกลายเป็นภาษาอังกฤษเเบบมาตรฐานไปซะเเล้ว ผมพอจะมีตัวอย่างของคำบางคำ ที่ ชาวอังกฤษ เเละ อเมริกัน เรียกสิ่งๆเดียวกัน ด้วยคำที่เเตกต่าง….
 
      ความหมาย          คนอเมริกันเรียก             คนอังกฤษเรียก
       อพาตเม้นท์         apartment                   flat
       ห้องน้ำ              restroom                     toilet
                                ฯลฯ
 
จริงๆเเล้ว ยังมีอีกครับ เเต่ผมดันลืมตัวสะกด (ฮา)
 
ผมเคยเเชทกับคนไทยคนนึง ด้วยภาษาอังกฤษ คุณคนนี้ เค้าบอกว่า เค้าเป็น ครูสอนภาษาอังกฤษ (ESL class) ผมบอกตรงๆว่า ผมโคตรจะสับสน กับ ศัพท์บางตัว ที่น่าจะไปอยู่ในตำรามากกว่า สำหรับ การสนทนา    she เคยถามผมเกี่ยวกับเรื่องดนตรี เเละ อยากให้ผมสอนหล่อน (จำไม่ได้ว่า สอนกีต้าร์ หรือ อะไรซักอย่างนี่เเหละ) รู้มั้ย เค้าพูดว่ายังไง? เค้าพูดว่า can you  enlighten me ?   โห   ท่านครับ ไอ้ enlighten เนี่ย มันประมาณ ตรัสรู้ หรือ ให้ความเเสงสว่างทางปัญญา เลยนะ ครับท่าน …ถ้าจะถาม หรือ ขอร้องให้ผมสอนน่ะ ใช้เเค่คำว่า can you teach me? can you train me? หรือ let me know ,how to play guitar …อะไรก็ได้ ง่ายๆ มันฟังดูดีกว่ากันเยอะเลย ยิ่งคุณทำให้มันยาก มันก็ยิ่งทำให้ผู้ฟังสับสน …พอตอนหลังๆ she ใช้คำว่า surename (เเปลว่า นามสกุล) ผมก็เลยรู้ว่า she อ่านตำราของอังกฤษมากไป   อเมริกันชน มักจะใช้คำว่า lastname …ฟังดูง่ายกว่ากันเยอะ
 
การเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยนั้น เป็นเหมือนยาขม สำหรับผม ผมรู้สึกว่า มันช่างเข้าใจยากเสียเหลือเกิน  บางครั้ง ผมก็คิดว่า เค้าปูพื้นฐานให้เรานานไปหน่อย เเละ อีกอย่างนึง ครูมักจะเน้นให้นักเรียนท่องศัพท์ (ประมาณ ศัพท์ที่เป็น big term) ผลที่ออกมาก็คือ เรามีคนไทยที่พูดภาษาไทยคำนึง อังกฤษคำนึงเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด คำบางคำ ฝรั่งเค้าก็ไม่ใช้กัน หรือ ไม่ก็ใช้คนละวิธี เช่น…..
 
"เเหม ตัว  ดูดิ ผู้ชายคนนั้น perfect จังเลย"
"เรามา co กันดีกว่าครับ"
"โดย nature ของเค้าเเล้ว เค้าเป็นคนเงียบๆ"
                    ฯลฯ
ไอ้คำว่า perfect น่ะ เค้าไม่ได้เอาไว้เรียกคนหล่อ ครับ เค้าเอาไว้สำหรับ อะไรก้อตาม ที่สมบูรณ์เเบบ   คุณจะรู้ได้ทันทีเลยเหรอว่า ไอ้รูปหล่อที่คุณเห็นน่ะ มันมีพ่อรวย การศึกษาดี สันดานดีฯลฯ ด้วยน่ะ?
co-partner หรือ co-worker เป็นคำที่ผมได้ยินบ่อยๆ เเต่ที่เเน่ๆ ผมไม่เคยเห็นฝรั่งคนไหน ใช้คำว่า co โดดๆ โดยไม่มีคำนามตามหลัง เพราะเค้าจะใช้ company ไปเลย
 
ไอ้คำว่า nature เหมือนกัน ถ้าคุณจะใช้คำๆนี้ ในรูปของ adverb คุณต้องพูดว่า naturaly ไม่ใช่ อยู่ๆจะมา nature กันเฉยๆ
 
รู้ศัพท์มากไป เเต่ใช้ไม่ถูกต้อง คุณจะรู้มันไปหาหอกอะไร? ถูกมั้ย? ไปเรียนรู้พวกประโยคสนทนาที่ฟังดูพริ้วๆ จะดีกว่า   รวมไปถึง "วลี" หรือ pharse ซึ่ง จำเป็นมากสำหรับ การพูด
pharse ส่วนใหญ่ มักจะเป็น กริยา + คำเชื่อม (verb + preprosition)บางที มันก็อาจจะทำให้เรางง เพราะ ความหมายมันจะไม่เหมือน คำๆนั้นโดยตรง  เช่น…
 
make เเปลว่า ทำ สร้าง หรือ บางครั้งอาจจะเเปลว่า cook (ทำอาหาร) ก็ได้ เเต่ถ้า make +sure =make sure มันจะเเปลว่า ดูให้เเน่ใจ (example…make sure,he finish his job ,before get off)
get = เอามา หรือ ได้  เเต่ถ้า get +mad = get mad มันจะเเปลว่า โมโห (example….i know ,he got mad last night,because,you didn’t say hi to him)
 
take =เอาไป  เเต่ถ้า take + advantage =take advantage มันจะเเปลว่า เอาเปรียบ (i don’t want to go eat out with him,because,he alway take advantage,when we all share food)
look =มองดู เเต่ถ้า look + after = look after มันจะเเปลว่า ดูเเล (example…your mom raised you ,when you were a baby,so,you should look after her ,when she get old)
 
go = ไป เเต่ถ้า go + for =go for มันจะเเปลว่า ลุยเลยยยย !!!!!( heyyy!! you can do that your self ,man..go for it!!!)
                              ฯลฯ
และยังมีอีกหลายๆคำ เช่น gang up =รุม (ด่า หรือ รุมกระทืบ ก็ได้) rack up =สะสม get off=เลิกงาน  ฯลฯ จาระนัย ไม่หมด เยอะเหลือเกิน
 
นี่คือ ภาษาอังกฤษ เเบบที่ผมได้ยินอยู่ทุกวัน  ฟังดูง่ายๆ ได้ใจความ เเต่ถ้าคุณคุ้นเคยกับการใช้พวก big term (ศัพท์หะรู หะรา ทั้งหลาย) มันก็อาจจะทำให้งง หรือ ไม่ก็ ประโยคของคุณ ก็จะกลายเป็นน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง
 
บางครั้ง ฝรั่งเค้าก็ใช้คำนามนี่เเหละ เป็น กริยา เช่น คำว่า film …ฟิลม์ มันก็คือ ฟิลม์ เเต่ในขณะเดียวกัน คำว่า film ก็เเปลว่า ทำหนัง  เช่นกัน….หรือ คำว่า heat ที่เเปลว่า ความร้อน เเต่ถ้าเรา + up =heat up มันก็จะเเปลว่า อุ่น (อาหาร) คำว่า microwave เช่นกัน มันเเปลได้สองอย่าง คือ เเปลว่า เตาไมโครเวฟ เเละ เเปลว่า ใช้ไมโครเวฟ ฯลฯ
 
ประโยคอีกประเภทนึง ที่คนไทยมักจะตายน้ำตื้นบ่อยๆ นั่นก็คือ ประโยคกรรม (passive voice)มันก็คือ ประโยคที่ใช้ กรรม(object) เป็นประธาน(subject) นั่นเอง เช่น
 
Somsak was abused by his aunty ,when he was childhood
(สมศักดิ์ โดนทรมาน (หรือ โขกสับ) จากคุณป้าของเขา เมื่อครั้งที่เขาอยู่ในวัยเด็ก)
 
his deadbody is burried down there
 
(ศพของเขาถูกฝังอยู่ใต้นั้น)
 
บางที อาจจะไม่ต้องใช้ verb to be ก้อได้ ถ้าไม่มีกำหนดเวลา สำหรับคำที่นำมาใช้เเทน ก็คือ get  เช่น….
 
watch him out! you could get harmed by him
(ระวัง!!! คุณอาจจะโดนหมอนั่นทำร้าย)
 
เวลาจะพูดออกมา เราควรจะพูดให้มันง่ายๆ กระชับ เเละ ไม่สับสน เเต่ไม่ใช่ง่าย ซะจน เหมือน เเปลไทยเป็นอังกฤษตรงตัว เช่น
 
have a lot of money in my wallet
 
คำว่า have เเปลว่า มี  เเต่…ถ้าเราจะใช้คำว่า "มี" ในลักษณะนี้ ต้องใช้ there is หรือ there are ครับ
 there’s a lot of money in my wallet
 
(มีเงินเป็นกระตั๊ก ในกระเป๋าตังค์ของฉันว่ะ)
 
there’re several kind of plant in backyard
 
 
(มีพืชหลายๆชนิด ที่สวนหลังบ้าน)
 
อ่ะๆๆๆๆวันนี้ เอาพอหอมปากหอมคอก่อน ถ้าวันหน้า มีไอเดียอีก ก็จะมาว่ากันใหม่ นะจ๊ะ
This entry was posted in Uncategorized. Bookmark the permalink.

2 Responses to English นอกตำรา

  1. Ms. Kay says:

    ภาษาอังกฤษวันละคำเหรอค่ะ แต่ดีนะ สมัยกิฟเริ่มเรียนแต่ป.5 ได้แค่ที่เห็นแหละคะ แต่ตอนเนี่ยน้องฝ้ายหลานสาวกิฟ เข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ ชั้นอนุบาล2 แล้วกลับมาเค้าจะพูดกับเรา กิฟกับเต้เลยต้องหัดเรียนกันใหม่เลยเพราะกลัวสนทนาผิดๆ กับเค้าแล้วเค้าจะงง น้องฝ้ายเรียนได้ 4เดือนแล้ว ตอนเนี่ยอายุ 5 ขวบ สำเนียงค่อนข้างดี กะว่าจะให้เรียนแค่เกรด6พอ (ค่าเทอมมันแพงคะ 60000แค่ชั้นอนุบาลนะ ต่อเทอม กิฟกับเต้คนละครึ่ง) เอาแค่พูดได้แบบเป็นภาษาแม่เลยที่เหลือสอบเข้ารัฐบาล

  2. Ms. Kay says:

    หนังสืออะไรนะ ที่พี่บอกให้กิฟไปซื้อมาอ่าน (เพราะกิฟใช้คำศัพท์ผิดบ่อย ) ตอบมาใน e mail ก็ได้นะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าคะ

Leave a comment